นโยบายความเป็นส่วนตัว

นโยบายความเป็นส่วนตัว

บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน เวลท์ รีพับบลิค จำกัด (“บริษัท”) ยึดมั่นการดำเนินธุรกิจอย่างมีจรรยาบรรณ เคารพและปฏิบัติตามกฎหมายที่บังคับใช้ ตระหนักถึงการได้รับความไว้วางใจ และให้ความสำคัญด้านการเคารพสิทธิในความเป็นส่วนตัวของลูกค้า แล้วยังเข้าใจดีว่าลูกค้าต้องการความปลอดภัยในการทำธุรกรรมและการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล บริษัทจึงจัดให้มีประกาศนโยบายความเป็นส่วนตัวนี้เพื่อลูกค้าของบริษัทได้รับทราบถึงนโยบายของเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม การใช้ และการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลธรรมดา ซึ่งเป็นไปตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ.2562 (“พรบ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล”) กฎหมาย และกฎเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ลูกค้าได้มั่นใจว่า ข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าที่บริษัทได้รับจะถูกนำไปใช้ตรงตามความต้องการของลูกค้าและถูกต้องตามกฎหมาย
  1. ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทอาจประมวลผล
    1. ข้อมูลส่วนบุคคล คือ ข้อมูลที่ทำให้สามารถระบุตัวตนของลูกค้าได้ ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม ได้แก่
      1. ข้อมูลส่วนบุคคลที่ลูกค้าให้ไว้แก่บริษัทโดยตรง หรือให้ผ่านบริษัท หรือมีอยู่กับบริษัททั้งที่เกิดจากการใช้ผลิตภัณฑ์และ/หรือบริการ ติดต่อ เยี่ยมชม ค้นหา ผ่านช่องทางดิจิทัล เว็บไซต์ Call Center ผู้ที่ได้รับมอบหมาย หรือช่องทางอื่นใด
      2. ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทได้รับหรือเข้าถึงได้จากแหล่งอื่นซึ่งไม่ใช่จากลูกค้าโดยตรง เช่น หน่วยงานของรัฐ บริษัทคู่ค้า สถาบันการเงิน ผู้ให้บริการทางการเงิน พันธมิตรทางธุรกิจ บริษัทข้อมูลเครดิต และผู้ให้บริการข้อมูล เป็นต้น ซึ่งบริษัทจะเก็บรวบรวมข้อมูลจากแหล่งอื่นต่อเมื่อได้รับความยินยอมจากลูกค้าตามที่กฎหมายกำหนด เว้นแต่ตามกรณีที่กฎหมายอนุญาตให้กระทำได้โดยไม่ต้องมีการขอความยินยอม
        ข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าที่บริษัทเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผย โดยเป็นการเก็บเฉพาะข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์หรือบริการนั้นๆ ของบริษัท เช่น

        - ข้อมูลส่วนตัว เช่น ชื่อ นามสกุล อายุ วันเดือนปีเกิด ความเป็นพลเมือง สถานภาพสมรส เลขประจำตัวประชาชน เลขหนังสือเดินทาง สถานที่ทำงาน ประเภทธุรกิจ

        - ข้อมูลครอบครัวของลูกค้า เช่น ชื่อคู่สมรส ชื่อบุตร เลขบัตรประชาชนของบุคคลในครอบครัว

        - ข้อมูลการติดต่อ เช่น ที่อยู่อาศัย สถานที่ทำงาน หมายเลขโทรศัพท์ อีเมล ไอดีไลน์

        - ข้อมูลการลงทุนหรือการทำธุรกรรม เช่น ผลิตภัณฑ์หรือบริการที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนต่างๆ ของลูกค้า ประวัติการลงทุน ประสบการณ์การลงทุน ข้อมูลของบริการและผลิตภัณฑ์ที่ทำผ่านบริษัท และวิธีการชำระเงินที่ท่านใช้กับผลิตภัณฑ์และบริการนั้น ๆ

        - ข้อมูลทางการเงิน เช่น เงินเดือนและรายละเอียดรายได้ การออมเงิน เงินลงทุนของท่าน รายละเอียดการใช้จ่าย วิธีการชำระเงิน ข้อมูลเลขที่บัญชีธนาคาร

        - ข้อมูลอุปกรณ์หรือเครื่องมือ เช่น IP address MAC address Cookie ID

        - ข้อมูลอื่นๆ เช่น การใช้งานเว็บไซต์ เสียง ภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว และข้อมูลอื่นใดที่ถือว่าเป็นข้อมูลส่วนบุคคลภายใต้กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

        - รายละเอียดของผู้รับผลประโยชน์ เช่น ผู้เปิดบัญชีกองทุนร่วม ผู้ถือบัญชีกองทุนร่วมและผู้รับผลประโยชน์ในผลิตภัณฑ์และบริการของบริษัทที่เป็นผู้เยาว์

        - บันทึกการติดต่อกับบริษัทฯ เช่น ผ่านทางเว็บไซต์ หรืออีเมลของบริษัท ที่จะมีการเก็บข้อมูลผู้ใช้ เป็นต้น

        - ข้อมูลประวัติอาชญากรรม รวมถึงความผิดที่ถูกกล่าวหา ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทฯ ได้รับจากหน่วยงานข้อมูลทางเครดิตและหน่วยงานป้องกันการฉ้อโกง หน่วยงานป้องกันการฟอกเงิน รวมถึงประวัติทางเครดิตที่เป็นสาธารณะ (เช่น การผิดนัดชำระหนี้) และที่มีการแบ่งปันร่วมกัน สถานการณ์ทางการเงิน และประวัติทางการเงิน

        - ข้อมูลทางภาษี (หากเกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์หรือบริการ) ตัวอย่างเช่น การลงทุนในกองทุนที่มีสิทธิประโยชน์ทางภาษี

    2. ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว (Sensitive Data) คือ ข้อมูลส่วนบุคคลที่กฎหมายกำหนดเป็นการเฉพาะ ซึ่งบริษัทจะเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหวต่อเมื่อบริษัทได้รับความยินยอมโดยชัดแจ้งจากลูกค้า หรือในกรณีที่บริษัทมีความจำเป็นตามกรณีที่กฎหมายอนุญาต โดยบริษัทอาจต้องเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลข้อมูลชีวภาพ (Biometric) เช่น ข้อมูลภาพจำลองใบหน้า ข้อมูลจำลองลายนิ้วมือ ข้อมูลจำลองม่านตา ข้อมูลอัตลักษณ์เสียง เพื่อวัตถุประสงค์ในการพิสูจน์และยืนยันตัวตนของผู้ใช้บริการที่ขอสมัคร และ/หรือทำธุรกรรมผ่านช่องทางดิจิทัล หรือช่องทางอื่นใด เป็นต้น
  2. วัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวม ใช้ ประมวลผล หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า
    บริษัทมีการเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผย หรือประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า เพื่อประโยชน์ในการซื้อผลิตภัณฑ์และ/หรือบริการ ตลอดจนเพื่อปฏิบัติตามกฎหมายใดๆ ที่บริษัทหรือลูกค้าต้องปฏิบัติตาม ดังนี้
    1. เพื่อปฎิบัติตามสัญญา (Contract)
      เพื่อการขอเปิดบัญชีเพื่อทำธุรกรรม ที่เกี่ยวกับกองทุนภายใต้บริการการเป็นนายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุนของบริษัทจัดการต่างๆ หรือการใช้บริการผ่านช่องทางต่างๆ ที่เกี่ยวกับบริษัทฯ ลูกค้าจำเป็นต้องให้ข้อมูลส่วนบุคคลแก่บริษัท เพื่อที่บริษัทจะสามารถนำไปประมวลผล ส่งต่อข้อมูลให้บริษัทจัดการ และดำเนินการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเปิดบัญชี การใช้ผลิตภัณฑ์หรือบริการต่างๆ ตามคำขอของลูกค้า การคำนวณและให้สิทธิอันเกิดจากการลงทุน การปฏิบัติตามกระบวนการภายในของบริษัท การติดต่อสื่อสารกับลูกค้า การติดตามและแจ้งผลประโยชน์ การเปลี่ยนแปลงลักษณะของผลิตภัณฑ์หรือบริการ ตอบข้อซักถาม และการแจ้งการเปลี่ยนแปลงต่างๆ อันเป็นกรณีตามฐานสัญญา ตามมาตรา 24 (3) ของ พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฯ
    2. เพื่อปฏิบัติตามกฎหมาย (Legal Obligation)
      บริษัทอาจนำข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าไปประมวลผลเพื่อการปฏิบัติตามกฎหมายที่กำกับดูแลการประกอบธุรกิจของบริษัท เช่น กฎหมายเกี่ยวกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ กฎหมายเกี่ยวกับกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ รวมทั้งการปฏิบัติตามกฎหมายที่ควบคุมการทำธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับกองทุน กฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน การควบคุมการแลกเปลี่ยนเงินตรา และกฎหมายอื่นที่กำหนดหรือบังคับให้บริษัท มีหน้าที่ต้องส่งหรือรายงานข้อมูล เช่น เพื่อการป้องกันและตรวจจับความผิดปรกติของธุรกรรมที่นำไปสู่กิจกรรมที่ผิดกฎหมาย การรายงานข้อมูลส่วนบุคคลต่อหน่วยงานราชการ อาทิ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือเมื่อบริษัท ได้รับหมายเรียก หมายอายัดจากหน่วยงานราชการ หรือ ศาล เป็นต้น อันเป็นกรณีตามฐานการปฏิบัติตามกฎหมาย ตามมาตรา 24 (6) ของ พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฯ
    3. เพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัท (Legitimate Interest)
      บริษัทอาจนำข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าไปประมวลผลตามฐานประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย ตามมาตรา 24 (5) ของ พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฯ เช่น

      - การป้องกัน รับมือ ลดความเสี่ยงที่อาจเกิดการกระทำที่ผิดกฎหมายต่างๆ ซึ่งรวมถึงการแบ่งปันข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อยกระดับมาตรฐานการทำงานของบริษัทในธุรกิจเดียวกันในการป้องกัน รับมือ ลดความเสี่ยงข้างต้น

      - การบันทึกภาพผู้ที่มาติดต่อทำธุรกรรมกับบริษัทฯ บนระบบ CCTV รวมถึง การแลกบัตรก่อนเข้าอาคาร เพื่อการรักษาความปลอดดภัยภายในบริเวณที่ทำการของบริษัทฯ

      - การบริหารความเสี่ยง/การกำกับตรวจสอบ/การบริหารจัดการภายในองค์กร

      - อาจมีการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าไปยังผู้ให้บริการภายนอก (Outsource) เพื่อเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลไว้ในระบบคลาวด์ (Cloud Computing) และเพื่อวัตถุประสงค์ในการพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศของบริษัท

      - การตรวจสอบการรับส่งอีเมลหรือการใช้อินเตอร์เน็ตของพนักงานกับลูกค้า เพื่อป้องกันการเปิดเผยข้อมูลลับของบริษัทฯ ต่อบุคคลภายนอก หรือการรับส่งพัสดุ

      - การวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อใช้ในการนำเสนอผลิตภัณฑ์ในประเภทเดียวกันกับที่ลูกค้ามีอยู่กับบริษัท และผลิตภัณฑ์อื่นของบริษัทฯ ให้แก่ลูกค้าอย่างเหมาะสมกับความต้องการของลูกค้า และ/หรือในการทำวิจัยทางการตลาดเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ของบริษัท

      - การรักษาความสัมพันธ์กับลูกค้า เช่น การจัดการข้อร้องเรียน การเสนอสิทธิประโยชน์พิเศษโดยไม่มีวัตถุประสงค์ทางการตลาดให้แก่ลูกค้า เป็นต้น

    4. เพื่อประมวลผลตามฐานความยินยอม (Consent)
      บริษัทอาจนำข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าไปใช้ในการประมวลผลเพื่อการออกแบบหรือพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการ เพื่อนำเสนอและแนะนำเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และบริการ กิจกรรมทางการตลาดของบริษัทฯ หรือเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าเพื่อวัตถุประสงค์ทางการตลาดแบบตรง หากลูกค้าประสงค์จะถอนความยินยอมในการประมวลผลดังกล่าว สามารถติดต่อบริษัท และแจ้งความประสงค์ได้ตามช่องทางในข้อ 8
      ทั้งนี้ หากลูกค้าไม่ให้ข้อมูลส่วนบุคคลกับบริษัท อาจส่งผลกระทบต่อการพิจารณาการให้บริการ หรือ ไม่ได้รับความสะดวก หรือไม่ได้รับการปฏิบัติตามสัญญา และลูกค้าอาจได้รับความเสียหาย/เสียโอกาส และอาจส่งผลกระทบต่อการปฏิบัติตามกฎหมายใดๆ ที่ลูกค้าหรือบริษัทฯ ต้องปฏิบัติตาม และอาจมีบทกำหนดโทษที่เกี่ยวข้อง
  3. การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า
    บริษัทจะมีการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าให้กับบริษัทจัดการต่างๆ ที่เป็นคู่ค้า หรือผู้อื่นภายใต้ความยินยอมของลูกค้าหรือภายใต้หลักเกณฑ์ที่กฎหมายอนุญาตให้เปิดเผยได้ โดยบุคคลหรือหน่วยงานที่เป็นผู้รับข้อมูลดังกล่าวจะเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าตามขอบเขตที่ลูกค้าได้ให้ความยินยอมหรือขอบเขตที่เกี่ยวข้องในนโยบายฉบับนี้ โดยการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า เพื่อวัตถุประสงค์ต่างๆ เช่น เพื่อการให้บริการแก่ลูกค้า เพื่อการส่งเสริมการขายและการประชาสัมพันธ์ของบริษัท เพื่อการบริหารกิจการ เพื่อการป้องกันการทุจริต เพื่อการพิสูจน์ตัวตนลูกค้า
  4. มาตรการในการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล
    บริษัทมีการกำหนดนโยบาย คู่มือและมาตรฐานในการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า ทั้งมาตรการในการบริหารจัดการ (Organizational Measure) และมาตรการเชิงเทคนิค (Technical Measure) เพื่อป้องกันการเข้าถึงข้อมูลของลูกค้าโดยมิได้รับอนุญาต หรือการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล เช่น ระบบสารสนเทศในการรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวด นโยบายการรักษาข้อมูลความลับของลูกค้า เป็นต้น และบริษัทฯ จะมีการปรับปรุงนโยบาย คู่มือและมาตรฐานดังกล่าวอย่างสม่ำเสมอ ตามเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด นอกจากนี้ พนักงาน ลูกจ้าง และผู้ให้บริการภายนอกของบริษัทฯ ก็มีหน้าที่ต้องรักษาความลับของข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าตามสัญญาการเก็บรักษาความลับที่ได้ลงนามไว้กับบริษัทฯ
    ในกรณีที่บริษัทมีความจำเป็นต้องส่ง หรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าไปต่างประเทศที่มีมาตรฐานการจัดการข้อมูลส่วนบุคคลต่ำกว่าประเทศไทย บริษัทฯ จะดำเนินมาตรการตามที่เห็นว่าจำเป็นอย่างน้อยตามมาตรฐานการรักษาความลับที่กฎหมายของประเทศนั้นๆ กำหนดไว้ เช่น มีข้อสัญญารักษาความลับกับคู่สัญญาในประเทศดังกล่าว เป็นต้น
  5. ระยะเวลาในการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล
    บริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าไว้ตามระยะเวลาที่จำเป็นในระหว่างที่ลูกค้ายังคงมีความสัมพันธ์อยู่กับบริษัท หรือตลอดระยะเวลาที่จำเป็นเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวข้องในนโยบายฉบับนี้ ซึ่งอาจจำเป็นต้องเก็บรักษาไว้ต่อไปภายหลังจากนั้นหากมีกฎหมายกำหนดหรืออนุญาตไว้ เช่น จัดเก็บไว้ตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน จัดเก็บไว้เพื่อวัตถุประสงค์ในการพิสูจน์ตรวจสอบกรณีอาจเกิดข้อพิพาทภายในอายุความตามที่กฎหมายกำหนดเป็นระยะเวลาไม่เกิน 10 ปี
    ทั้งนี้ บริษัทจะลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคล หรือทำให้เป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุถึงตัวตนของลูกค้าได้เมื่อหมดความจำเป็นหรือสิ้นสุดระยะเวลาดังกล่าว
  6. สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
    สิทธิของลูกค้าในข้อนี้เป็นสิทธิตามกฎหมายที่ลูกค้าควรทราบ โดยลูกค้าสามารถขอใช้สิทธิต่างๆ ได้ภายใต้ข้อกำหนดของกฎหมาย และนโยบายที่กำหนดไว้ในขณะนี้หรือที่จะมีการแก้ไขเพิ่มเติมในอนาคต ตลอดจนหลักเกณฑ์ตามที่บริษัทกำหนดขึ้น และในกรณีลูกค้ามีอายุไม่ครบ 20 ปีบริบูรณ์ หรือถูกจำกัดความสามารถในการทำนิติกรรมตามกฎหมาย ลูกค้าสามารถขอใช้สิทธิโดยให้บิดาและมารดา ผู้ใช้อำนาจปกครอง หรือผู้มีอำนาจกระทำการแทนเป็นผู้แจ้งความประสงค์
    1. สิทธิขอถอนความยินยอม : หากลูกค้าได้ให้ความยินยอมกับบริษัทฯ ในการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า (ไม่ว่าจะเป็นความยินยอมที่ได้ให้ไว้ก่อนวันที่กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลใช้บังคับหรือหลังจากนั้น) ลูกค้ามีสิทธิที่จะถอนความยินยอมเมื่อใดก็ได้ตลอดระยะเวลาที่ข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าอยู่กับบริษัท เว้นแต่มีข้อจำกัดสิทธินั้นโดยกฎหมายหรือมีสัญญาที่ให้ประโยชน์แก่ลูกค้าอยู่
      ทั้งนี้ การถอนความยินยอมของลูกค้าอาจส่งผลกระทบต่อการให้บริการต่างๆ ของบริษัท เช่น การรับข้อมูลข่าวสารต่างๆ ทางด้านกองทุนสอดคล้องกับความต้องการของลูกค้าและเป็นประโยชน์กับลูกค้า หรือไม่เป็นต้น เพื่อประโยชน์ต่อลูกค้า จึงควรศึกษาและสอบถามถึงผลกระทบก่อนเพิกถอนความยินยอม
    2. สิทธิขอเข้าถึงข้อมูล : ลูกค้ามีสิทธิขอเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของตนเองที่อยู่ในความรับผิดชอบของบริษัท และขอทำสำเนาข้อมูลดังกล่าว รวมไปถึงการขอทราบถึงที่มาของแหล่งข้อมูลที่บริษัทได้รับด้วย
    3. สิทธิขอถ่ายโอนข้อมูล : ลูกค้ามีสิทธิขอรับข้อมูลส่วนบุคคลของตนเอง ในกรณีที่บริษัทได้จัดทำข้อมูลส่วนบุคคลนั้นอยู่ในรูปแบบให้สามารถอ่านหรือใช้งานได้ด้วยเครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่ทำงานได้โดยอัตโนมัติ และสามารถใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลได้ด้วยวิธีการอัตโนมัติ รวมทั้งมีสิทธิขอให้บริษัทส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลในรูปแบบดังกล่าวไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่น เมื่อสามารถทำได้ด้วยวิธีการอัตโนมัติ และมีสิทธิขอรับข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัท ส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลในรูปแบบดังกล่าวไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่นโดยตรง เว้นแต่ไม่สามารถดำเนินการได้เพราะเหตุทางเทคนิค
      ทั้งนี้ ข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าข้างต้นต้องเป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่ลูกค้าได้ให้ความยินยอมแก่บริษัทในการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผย หรือเป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทจำเป็นต้องเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยเพื่อให้ท่านสามารถใช้ผลิตภัณฑ์และ/หรือบริการของบริษัทได้ตามความประสงค์ซึ่งลูกค้าเป็นคู่สัญญาอยู่กับบริษัท หรือเพื่อใช้ในการดำเนินการตามคำขอของลูกค้าก่อนใช้ผลิตภัณฑ์และ/หรือบริการของบริษัท หรือเป็นข้อมูลส่วนบุคคลอื่นตามที่ผู้มีอำนาจตามกฎหมายกำหนด
    4. สิทธิขอคัดค้าน : ลูกค้ามีสิทธิคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า ในกรณีที่บริษัทดำเนินการภายใต้ฐานประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย หรือเพื่อวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการตลาดแบบตรงหรือการศึกษาวิจัยทางวิทยาศาสตร์ ประวัติศาสตร์ หรือสถิติ เว้นแต่กรณีที่บริษัทมีเหตุในการปฏิเสธคำขอของลูกค้าโดยชอบด้วยกฎหมาย (เช่น บริษัทสามารถแสดงให้เห็นว่าการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้ามีเหตุอันชอบด้วยกฎหมายยิ่งกว่า หรือเพื่อการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิเรียกร้องทางกฎหมาย หรือเพื่อประโยชน์สาธารณะของบริษัท)
    5. สิทธิขอให้ลบหรือทำลายข้อมูล : ลูกค้ามีสิทธิขอให้บริษัทลบหรือทำลายข้อมูลของตนเอง หรือทำให้ข้อมูลของตนเองเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวตนของลูกค้าได้ เว้นแต่กรณีที่บริษัทจะมีเหตุอันชอบด้วยกฎหมายในการปฏิเสธคำขอของท่าน
    6. สิทธิขอให้ระงับการใช้ข้อมูล : ลูกค้ามีสิทธิขอให้บริษัทระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของตนเองในบางกรณี (เช่น บริษัทอยู่ระหว่างการตรวจสอบคำขอใช้สิทธิแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลหรือคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า หรือลูกค้าขอให้บริษัทระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลแทนการลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลที่ไม่มีความจำเป็นอีกต่อไป)
    7. สิทธิขอให้แก้ไขข้อมูล : ลูกค้ามีสิทธิขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของตนเองให้ถูกต้อง เป็นปัจจุบัน สมบูรณ์ และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด
    8. สิทธิร้องเรียน : ลูกค้ามีสิทธิร้องเรียนต่อผู้มีอำนาจตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง หากลูกค้าเชื่อว่าการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า เป็นการกระทำในลักษณะที่ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
  7. การเปลี่ยนแปลงประกาศนโยบายความเป็นส่วนตัว
    บริษัทอาจเปลี่ยนแปลงหรือแก้ไขเพิ่มเติมประกาศนโยบายความเป็นส่วนตัวนี้เป็นครั้งคราว โดยบริษัทจะแจ้งประกาศนโยบายความเป็นส่วนตัวฉบับปัจจุบันไว้ที่เว็บไซต์ของบริษัท www.wealthrepublic.co.th
  8. ข้อมูลการติดต่อบริษัท
    หากลูกค้าต้องการติดต่อหรือมีข้อสงสัยหรือต้องการสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับเก็บรวบรวม ใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล การใช้สิทธิตามข้อ 6 หรือถอนความยินยอม หรือมีข้อร้องเรียนใดๆ ท่านสามารถติดต่อบริษัท ได้ดังช่องทางต่อไปนี้
    สำนักงานใหญ่ : เลขที่ 52 อาคารธนิยะพลาซา ชั้น 14 โซนบี ถนนสีลม แขวงสุริยวงศ์ เขตบางรัก กรุงเทพมหานคร 10500
    โทรศัพท์ : 02-2666697-8
    เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล อีเมล compliance@wealthrepublic.co.th